Skip to content

กดไลค์ในอินสตาแกรม แล้วไปโผล่ในเฟสบุค

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเรากดไลค์ เพื่อนๆเราใน instagram แต่ทำไม มันถึงไปโผล่ในเฟสบุค

แล้วทางแก้ คือทำอย่างไร ไม่อยากให้ที่เรากดไลค์ ไปแชร์บนเฟสบุคให้เพื่อนๆเห็น บางคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ารูปทั้งหมดที่เรากดบน IG ไปแชร์อยู่บนเฟสบุค เพราะว่า มันจะไม่มาขึ้นในหน้า profile ของเรา แต่จะไปขึ้นใน new feeds ของเพื่อนๆเรา

วิธีทางแก้ก็คือ ก่อนอื่นเข้าไปที่หน้า profile เราทาง instagram หลังจากนั้นกดปุ่ม setting มุมขวาบน

เลื่อนไปข้างล่างตรงปุ่ม preferences ตามด้วย share settings กดเข้าไปตรง Facebook  และกด turn off ตรง share likes to Timeline แค่เท่านี้ เพื่อนๆก็ไม่เห็นรูปที่เรากดไลค์ทางอินสตาแกรม แต่ถ้าใครไม่รู้ว่าเราได้เปิดแชร์ไว้หรือเปล่า รีบเข้าไปเช็คกันนะค่ะ เพราะว่า มันจะแชร์ให้เราอัติโนมัติ ตั้งแต่เราอัพเดตมาเป็น instagram อันล่าสุด ยกเว้น ในตอนแรก ที่มันขึ้นถามว่า ต้องการจะแชร์ไลค์ไปที่เฟสบุคไหม แล้วเราตอบไม่ได้ตอบโอเคไป แต่คนส่วนใหญ่ มักจะกด accept ไป เพราะไม่ทันได้อ่านข้อความที่มันขึ้นเตือนมาตอนแรก ลองเช็คกันดูนะค่ะ จะได้เก็บรูปที่เราไลค์ไว้เป็นส่วนตัวคนเดียว

Followers app สำหรับ Instagram ใคร unfollow เรา เช็คผ่านแอป

instagram app

ขอแนะนำแอป ที่ทำให้ผู้ใช้ IG เช็คว่าใครตามเรา ใครเลิกตาม เราลืมตามใคร ได้อย่างง่ายๆ ด้วย app Follower+ ดาวโหลดได้ FREE ข้อดีของเจ้า app นี้มีดังนี้

1. เช็คผ่านทางมือถือได้เลย สะดวกสำหรับผู้ที่ถนัดทางมือถือ แต่ถ้าใครไม่อยากเช็คผ่านมือถือ ก็มีทางเลือกให้สามารถเช็คผ่านทางคอมพิวเตอร์ได้ทางเว็บไซต์  statigram 

2. เช็คได้ว่าใคร unfollow เราไป เมื่อไหร่ และใครที่เราลืมตามเค้ากลับ และสามารถกดตามเค้าผ่านทางแอปนี้ได้ทันที นอกจากนั้นยังเช็คได้ว่า เราตามใครแล้วเค้าไม่ตามเรากลับอีกด้วย

3. แต่ถ้าหากดูข้อมูลลึกกว่านั้น เช่น เช็คได้ว่าใครเป็น ghost followers, ใคร likes เรามากที่สุด, ใคร comments เราเยอะที่สุด, ใครโพสท์อยู่ใกล้ๆเรา ก็ต้องซื้อ แพคเกจของเค้า ซึ่งแพคเกจละ ประมาณไม่ถึงห้าสิบบาท

แต่แค่บริการที่เค้าให้ฟรี ก็ถือว่า คุ้ม เพราะโหลดแอปนี้ติดโทรศัพท์ไว้ก็ไม่เสียหาย เพื่อวันนึงเห็นว่า เอ๊ะ ทำไมจำนวนคนตามเราลดน้อยลงไป เราได้รู้ว่าใคร unfollow เราไป เป็นข้อดีสำหรับร้านค้า เพื่อที่ว่า เราจะได้สังเกตว่าทางร้านโพสท์รูปไม่ถูกตามกลุ่มเป้าหมายหรือเปล่า ทำไมลูกค้าเราถึงเลิกตามไป เราจะได้ปรับปรุงเทคนิคการโพสท์รูปของเรา  ให้เป็นที่ถูกใจลูกค้าที่เหลืออยู่มากขึ้น

instagram สามารถ share video จากวีดีโอในโทรศัพท์ได้แล้ว

instagram

และแล้วก็ไม่ทำให้สาวก IG ผิดหวัง หลังจากได้ทดลองปล่อยตัววีดีโอออกมาใช้ได้ไม่นาน

ทาง instagram developers ก็ได้ ทำการปรับปรุง ให้สามารถนำวีดีโอที่ถ่ายไว้อยู่แล้ว มาลงในอินสตาแกรมได้

เรียกได้ว่า ไม่ต้องเครียดว่าวีดีโอที่ถ่ายสดๆใหม่ๆตรงนั้นจะสวยไหม เพราะ ครั้งนี้เราจะถ่ายวีดีโอกี่อัน กี่รอบก็ได้ แล้วเลือกอันที่สวยที่สุดมาลง  แต่ยังคงความยาวไว้ได้แค่ 15 วินาที หากวีดีโอของเรายาวเกิน ก็สามารถเลือกได้ว่าจะให้วีดีโอเราเริ่มจากตรงไหน เรียกได้ว่าปรับปรุงอันนี้ออกมาก็เพื่อให้พวกเราได้ลงวีดีโอมากยิ่งขึ้น เพราะช่วงหลังๆ ยอดการลงวีดีโอก็ลดลงจากวันแรกๆที่เปิดตัวเป็นอย่างมาก ลองอัพเดต IG แอปนะค่ะ แล้วลองเล่นกันดู 😀 หวังว่าจะได้เห็นเพื่อนๆหลายๆคนเอาวีดีโอที่เคยถ่ายๆกันมา มาลงนะ

Throwback on instagram คืออะไร

Throwback Thursday

หลายๆ คนอาจจะเริ่มสังเกตเห็นว่า มีกลุ่มคนที่นิยมลงรูป instagram แล้ว เขียน hashtag ว่า throwback จิงๆแล้ว มันคืออะไรกันแน่?

Throwback คือการนำรูปเก่าๆมาเล่าใหม่ แต่ที่นิยมทำกันมากทาง instagram ก็คือ ต้องทำในวันพฤหํส หรือเรียกกันว่า Throwback Thursday นั่นเอง โดยที่ผู้ใช้เอารูปตอนเด็กๆมาลง รูปในอดีต รูปตลกๆ หรือรูปที่ตัวเองชื่นชอบมาลง แล้วก็แทก #throwback เพื่อความสนุกสนานของคนกลุ่มหนึ่ง จนเริ่มแพร่หลายกันมากในหมู่ผู้ใช้ IG

ส่วนถ้าใครเห็น คำว่า TGIF ก็ไม่ต้องสงสัยน้า มันย่อมาจาก Thanks God It’s Friday เป็นที่เห็นได้ชัดอยุ่แล้วว่า นิยมใช้กันมากในวันศุกร์ เพื่อปลดปล่อยความเครียดที่ผ่านมาทั้งสัปดาห์

ส่วนพวก LOL (Laughing Out Loud) LMAO (Laughing My Ass Off) ก็เป็นที่รู้จักกันในการเขียนตัวย่อในเมสเสจกันอยู่แล้วเนอะ ถ้าอยากดูเก๋ ดูไม่ตกเทรนด์ ลองหัดเขียนคำเหล่านี้ดูบ้างก็เข้าท่าดีน้า แต่อย่าไปฝึกใช้คำไม่ดีไม่ดีอย่าง WTF นะ พวกฝรั่งใน instagram ชอบใช้กัน ไม่ดีค่ะ

จะทำให้ Edgerank ขึ้นสูงๆทำอย่างไร

Edgerank

สำหรับแบรนด์ต่างๆแล้ว คะแนน Edgerank ยิ่งสูงยิ่งดีต่อตัวแบรนด์ เพราะทำให้เข้าถึงฐานลูกค้าได้มากกขึ้น (เช็ค edgerank score ของแบรนด์คุณได้ที่นี่) ยิ่งมี Edgerank สูงๆ จากฐานลูกค้าที่มีอยู่ 1000 ก็จะทำให้สามารถ เข้าถึงคนอื่นๆ ได้อีกถึงห้าเท่า แต่ถ้า edgerank ต่ำ ก็จะทำให้คนจำนวนน้อยเห็นข้อความ

ดังนั้นจึงขอแนะนำเคล็ดลับดีดีจากทางเฟสบุคในการพัฒนาลำดับใน Edgerank แบ่งได้เป็น 6 ข้อดังนี้

1. โพสท์ข้อความให้สั้นที่สุด โดยประมาณ 100-250 ตัวอักษร เพราะการที่โพสท์ข้อความยาวๆอาจจะทำให้ผู้อ่านข้ามข้อความไปเลย เพราะข้อความสั้นๆมักจะดึงความสนใจได้มากกว่า และทำให้มีปฏิสัมพันธ์กับข้อความมากขึ้น โดยมีผลวิจัยออกมาว่า ข้อความสั้นๆ ได้รับการกดไลค์ คอมเม้นท์ และแชร์มากกว่าข้อความที่เกิน 250 ตัวอักษรมากถึง 60%

2. ให้โพสท์สิ่งที่ทำให้เห็นภาพและน่าสนใจ เช่น รูปภาพและวีดีโอ อัลบั้มรูปภาพได้รับความสนใจถึง 180% ในขณะที่  รูปภาพได้รับความสนใจ 120% และวีดีโอได้รับความสนใจถึง 100% ดังนั้นเป็นโอกาสที่ดีที่แบรนด์จะคัดสรรสิ่งดีดีมาให้ลูกค้าได้ดู

3. ควรโพสท์สิ่งที่ทำให้ลูกค้าอยากเข้าร่วม เช่นเป็นคำถามถามเกี่ยวกับความคิดเห็นหรือเสนอความคิดเห็น เพื่อเพิ่มการปฏิสัมพันธ์ต่อแบรนด์กับลูกค้าอีกทั้งยังทำให้คนอื่นๆมีสิทธ์เห็นข้อความของเรา หากมีการฏิสัมพันธ์เยอะๆ

4. โพสท์ข้อความเป็นประจำ เพราะ 96% ของคนที่มากดไลค์จะไม่กลับมาที่หน้าเพจ ดังนั้นควรโพสท์ประจำสม่ำเสมอแต่อย่าเยอะเกินไป เพื่อที่จะเข้าถึงลูกค้า

5. โพสท์สิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวแบรนด์ แต่ก็ไม่ควรนำเสนอในทางตรงหรือน่าเบื่อเกินไป ต้องเป็นสิ่งที่น่าค้นหา และไม่ควรโพสท์สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องจนเกินไป

6. หาเวลาที่ดีที่สุดในการโพสท์ข้อความ ควรทำการทดสอบว่า แบรนด์ของตนเองควรโพสท์ช่วงเวลาไหนถึงจะดีที่สุด

Facebook Edgerank คืออะไร ทำไมบางครั้งเราไม่เห็นสถานะของเพื่อน

บางคนอาจจะเคยสงสัยว่า ทำไมเราไม่เห็นสถานะของเพื่อนบางคนเลยนะ ทั้งๆที่เราก็ดู news feed ที่ขึ้นในหน้าของเราบ่อยๆ แต่ทำไมสถานะของเพื่อนบางคนเรากลับเห็นบ่อยมาก อีกทั้งสถานะที่ขึ้นในหน้าของเราก็จะเป็นแค่กลุ่มคนเดิมๆด้วย แล้วทำไมเรากดไลค์เพจหลายๆเพจ แต่ทำไมไม่มีข้อความเพจนั้นๆมาขึ้นในหน้าของเราเลย และยังมีสถิติออกมาว่ายืนยันด้วยว่า 96% ของผู้ใช้ไม่กลับเข้าไปในหน้าเพจที่ตัวเองกดไลค์ นั่นเป็นเพราะอะไร?

Edge rank และ Edge คือ

มาทำความรู้จักกับเจ้าตัวต้นเหตุกันดีกว่า เค้าชื่อว่า Edgerank เป็นระบบกฏเกณฑ์ที่ทางเฟสบุคสร้างขึ้นเพื่อให้ข้อมูลที่ขึ้นใน News feed เกี่ยวข้องกับเรามากที่สุด เจ้า Edge คือทุกสิ่งที่อัพเดตและเกิดขึ้นบนเฟสบุค เช่น การอัพเดตสถานะ, การกดไลค์, การคอมเม้นท์ และแชร์ ทาง Facebook เรียกทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ว่า Edge

การทำงานของ Edgerank

Edgerank จะเป็นผู้ดูแลสอดส่อง Edge ว่าจะจัดลำดับให้อยู่ตรงไหนในหน้า news feed ของผู้ใช้ โดยจะจัดลำดับของคอมเม้นท์ สถานะ หรือรูปภาพ ที่มีความสำคัญต่อผู้ใช้มากที่สุด และจะทำการคัดสรรสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรามากที่สุดให้เราเห็น Edgeไหนที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดก็จะได้อยู่ลำดับสูงสุดในหน้า News feed โดยเจ้า Edgerank จะจัดลำดับแต่ละ Edge โดยอาศัยหลักการ 3 ประการดังนี้

Edgerank facebook

1. Affinity score หรือเรียกว่า คะแนนความชอบ เจ้า Affinity score นี้เป็นการประเมินจากการที่เราไปปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่ายหนึ่ง เช่่นการไปกดไลค์ คอมเม้น click ลิงค์ หรือแชร์ลิงค์ หรือแม้แต่การส่งข้อความ สิ่งนี้จะทำให้คะแนนความชอบขึ้นสูงได้ ยิ่งมีการปฏิสัมพันธ์มากเท่าไหร่ เช่นเข้าไปกดไลค์บ่อยๆ ความน่าจะเป็นที่จะขึ้นในหน้า News feed ของเราก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเราเป็นฝ่ายกดไลค์ หรือคอมเม้นอยู่ฝ่ายเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบสนองกลับมา เค้ามีโอกาสมาขึ้นใน News feed ของเราแต่ การอัพเดตสิ่งต่างๆของเรา ก็จะไม่ไปขึ้นใน News feed ของเค้า แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายมีการโต้ตอบกัน ก็จะทำให้คะแนนความชอบของอีกฝ่ายหนึ่งต่อเราก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้เรื่องราวของเรามีโอกาสไปขึ้นใน news feed ของเค้าเช่นกัน

2. Weight หรือเรียกว่า น้ำหนักคะแนนจากเนื้อหา Facebook ได้ทำการเพิ่มและลดน้ำหนักการให้คะแนนของแต่ละปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นบนเฟสบุค โดยที่การคอมเม้นท์จะมีน้ำหนัก สูงกว่า การกดไลค์ ดังนั้นในการให้น้ำหนักคะแนนจากเนื้อหา หากเราไปคอมเม้นท์สิ่งใดก็ตามจะถือว่ามีน้ำหนักคะแนนสูงกว่าการไปกดไลค์ เช่น มีรูปขึ้นมาเราไปกดคอมเม้นท์รูปๆนั้น สักพัก เราไปกดไลค์สถานะของเพื่อนเรา ดังนั้นสิ่งที่จะมีคะแนนมากกว่า คือรูปที่เราไปคอมเม้นท์ จึงทำให้ Rank ของรูปนั้นจะสูงกว่าใน News feed ของเรา และเฟสบุคยังสังเกตอีกด้วยว่า ถ้าเราชอบไปคอมเม้นท์ตามสถานะมากกว่าคอมเม้นท์ตามรูป Facebook ก็จะจัดอันดับให้ในหน้า Feed ของเราส่วนใหญ่มีแต่ที่เป็นข้อความอัพเดตมากกว่าที่เป็นพวกรูป อันดับจะถูกเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ตามลักษณะนิสัยของเราในการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆบนเฟสบุค ดังนั้นต่อให้ A มีเพื่อนเหมือนกันกับ B ทุกอย่าง ข้อความที่ A และ B เห็นใน news feed ของตนเองก็ไม่เหมือนกัน

3. Time decay คือ ระยะเวลาความเก่าความใหม่ของเนื้อหา ยิ่งเนื้อหายิ่งเก่าความสำคัญก็จะลดน้อยลงไปด้วย ยิ่งข้อความยิ่งใหม่ ก็จะยิ่งได้ขึ้นอยู่อันดับต้นๆของ News feed และจัดว่าเป็น recent news (ข่าวล่าสุด) แต่อย่างไรก็ตามความเก่าใหม่ของข้อความก็ขึ้นอยู่กับการเข้าใช้ของตัวผู้ใช้เองด้วย เช่นถ้าผู้ใช้ล็อคอินเข้าเฟสบุคอาทิตย์ละครั้ง ข้อความที่เก่าๆก็มีโอกาสขึ้นในหน้า News feed ด้วยเช่นกัน

สำหรับตัวบุคคลเองแล้ว มันอาจดูไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่สำหรับแบรดน์ต่างๆที่ต้องการใช้เฟสบุคเป็นช่องทางในการติดต่อพูดคุยกับลูกค้า สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าต่อตัวแบรนด์ ก็ไม่อาจที่จะละเลยเจ้าEdgerank algorithm ของ Facebook นี้ไปได้ เพราะแบรนด์ทุกแบรนด์ก็คงอยากให้ข้อความของตัวเองไปถึงกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุด แต่โชคไม่ดีที่มีผลการสำรวจออกมาว่า   มีแค่ 16% ของFan ที่กดไลค์เพจจะเห็นข้อความที่โพสท์จากตัวแบรนด์ ดังนั้นทำอย่างไรแบรนด์ถึงจะสามารถพัฒนาเจ้า Edge นี้ให้ขึ้นระดับสูงๆในหน้าของ Fan ของเพจตนเอง ไว้จะนำเคล็ดลับดีดีมาบอกครั้งหน้าค่ะ

ควรเปิดเผยข้อมูลใน Facebook แค่ไหน? มาป้องกันข้อมูลส่วนตัวทางเฟสบุคกันเถอะ

facebook

Facebook เก็บข้อมูลเราไปทำไม

ข้อมูลของเราในแต่ละวันที่เราใช้ Facebook มีความสำคัญมากสำหรับเฟสบุค ทางFacebookต้องการที่จะรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อทางเฟสบุคสามารถ track ได้ว่าเรามีพฤติกรรมการบริโภคยังไง เฟสบุคสามารถนำข้อมูลเราไปให้ผู้ขายโฆษณา เพื่อที่จะ target กลุ่มลูกค้าได้อย่างแม่นยำที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีธุรกิจอยากจะโปรโมทโฆษณาและอยากได้ลูกค้าในประเทศไทยเพศหญิง เมื่อทางเฟสบุคมีข้อมูลอยู่แล้วว่า มีผู้ใช้คนใดในเฟสบุคอาศัยอยู่ประเทศไทยและเป็นผู้หญิงบ้าง ทางเฟสบุคก็สามารถให้ผู้ที่จะโฆษณา target ได้เฉพาะผู้ใช้ที่มีที่เพศหญิงที่อาศัยอยู่ประเทศไทยเห็นโฆษณาเท่านั้น ซึ่งทำให้ผู้โฆษณาไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเป็นจำนวนมาก และยังโฆษณาไปถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการได้ถูกต้องที่สุด และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่า ทำไมเฟสบุคถึงออก Gift service Facebook Gifts บนเฟสบุคขึ้นมาอีก เพื่อที่จะได้ข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการต่อยอดการโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นไปอีก

ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ Facebook เก็บจาก profile ของเราในเฟสบุคคือ

ชื่อจริง นามสกุล ที่อยู่ วันเกิดผู้ใช้ สถานที่ทำงาน เบอร์โทรศัพท์ งานอดิเรก รวมถึงล่าสุด  ข้อมูลบัตรเครดิต แล้วอย่างนี้เราจะมั่นใจได้หรือไม่ว่า ข้อมูลของเราจะไม่ถูกนำไปใช้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเบื้องต้น เราควรป้องกันข้อมูลส่วนตัวของเราให้มากที่สุด

วิธีป้องกันข้อมูลส่วนตัวทาง Facebook

1. เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวให้น้อยที่สุด โดยเข้าไปแก้ไขโดยล็อคอินไปที่ Facebook ของตัวเองในหน้า Profile

2. กดเข้าไปแก้ไขข้อมูล โดยกดตรง About

3. คลิกปุ่มแก้ไข Edit

4. หลังจากนั้นให้เลือกแก้ไขข้อมูล ขึ้นอยู่ว่าผู้ใช้ต้องการเปิดเผยข้อมูลของตัวเองมากขนาดไหน แต่อยากให้ใส่ใจตรงช่องที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ไม่ควรเปิดเผยมากเกินไป ทางที่ดีควรปล่อยว่างไว้

5. คลิก Save หรือ บันทึกการเปลี่ยนแปลง

ผู้ใช้ควรเปิดเผยข้อมูลให้น้อยที่สุด เพราะบางครั้ง เฟสบุคจะอนุญาติให้ third party หรือกลุ่มบุคคลอื่นๆสามารถเข้าถึงข้อมูลเราได้ เช่น application และ เกมส์ต่างๆ ซึ่งเวลาเราจะใช้บริการ App หรือ เกมส์เหล่านั้น บางครั้งเราต้องกดอนุญาติ  (allow access)  ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลทางเฟสบุคของเราได้ ซึ่งผู้ใช้ก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่า ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้อย่างไรบ้าง  ถึงแม้ว่าทางเฟสบุคจะแจ้งให้ผู้ใช้งานได้ทราบก่อนว่าจะมีบุคคลอื่นๆเข้าถึงข้อมูลเรา แต่บางครั้ง เราก็กดอนุญาติไปโดยไม่ทันได้ระวัง ดังนั้น กันไว้ดีกว่าแก้ หรือไม่อย่างน้อยๆ ถ้าเลือกที่จะเก็บข้อมูลไว้ ก็ให้ตั้ง Privacy setting ค่าความเป็นส่วนตัวให้แค่เพื่อนเราเห็น ไม่ควรเปิดเป็น public หรือให้ใครเห็นก็ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นหวังดีหรือไม่หวังดีกับเรา บางกรณีถูกนำรูปภาพและข้อมูลบนเฟสบุคไปทำเฟสบุคปลอมและนำไปด่าคนอื่นหรือนำไปทำเรื่องเสื่อมเสีย โดยที่เจ้าของตัวจริงไม่รู้เรื่องเลยสักนิดเดียว ระวังกันไว้ด้วยนะค่ะ

Video clips ของ Instagram มีผู้อัพโหลดวีดีโอแล้วมากกว่า 5 ล้านคลิป แล้ว Vine ของ Twitter จะงัดอะไรมาสู้ดี

Instagram-video

หลังจากมีการเปิดตัว video sharing clips ในอินสตาแกรมได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็มีจำนวนผู้ใช้ที่อัพโหลดวีดีโอแล้วมากกว่า  5 ล้านคลิปวีดีโอ จากจำนวนผู้ใช้ที่มีทั้งหมด 130 ล้าน active users  เรียกได้ว่า ถ้าจะดูวีดีโอให้หมดต้องใช้เวลาเป็นปีทีเดียวถึงจะดูหมด  ณ ตอนนี้ ใครไม่ถ่าย วีดีโอคลิปในอินสตาแกรม ถือว่าไม่ทันกระแสทีเดียว เช่น instagram ของเหล่าดารา ใครมีไอเดียดีดี  ก็เอาออกมาโชว์กัน ยกตัวอย่างเช่น

ครูสอนภาษาอังกฤษ พี่ลูกกอล์ฟ แห่งสถาบัน Angkriz ได้ใช้คลิปวีดีโอสั้นๆ สอนการออกเสียงภาษาอังกฤษ ซึ่งถือว่า นำสื่อของ social media มาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ได้ดีมาก @loukgolflg    ดูคลิป พี่ลูกกอล์ฟสอนภาษาผ่านอินสตาแกรม

ต่อมา Account ของร้านเสื้อผ้าชื่อดัง Disaya ก็ไม่น้อยหน้า ได้สร้างสรรค์คลิปวีดีโอสั้นๆ ชื่อว่า Afternoon tea น่ารักๆ เกี่ยวกับชากลิ้งไปกลิ้งมา ซึ่งบ่งบอก character ของตัวยี่ห้อเสื้อผ้าแบรนด์นี้ @Disaya ดูคลิป Disaya afternoon tea

ส่วนอีกคลิปนึง ไม่พูดถึงไม่ได้ เป็นคลิปศึกชิงชาย (ไม่ใช่นาง) คือโป๊ป ธนวรรธน์  ระหว่างสองดาราสาว จุ๋ย วรัทยา และ พลอย เฌอมาลย์ น่ารักขำขัน แสดงเต็มที่ ลองติดตามดูคลิปได้ที่ @warattaya ดูคลิป ไม่ได้หล่อเอาเท่าไหร่

แต่อะไรก็แล้วแต่มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย เพราะว่าการที่ Instagram ตัดสินใจที่จะนำวีดีโอเพิ่มเข้ามา ถือว่าเป็นการเปลี่ยนจุดยืนของตัวเอง ที่จะแชร์แค่รูปภาพ และอาศัยความเรียบง่าย ไม่วุ่นวาย ซึ่งเป็นข้อเด่นที่ทำให้ใครหลายๆคนชอบ หลังจากที่มีวีดีโอเข้ามา  การโหลดก็เริ่มช้าลง และการที่บางครั้งวีดีโอก็เล่นอัติโนมัติ ทำให้มีเสียงดังขึ้นมา บางทีผู้ใช้บางคนอาจจะชอบ แต่ยังดีทีมีปุ่มกดให้วีดีโอไม่เล่นเองอัติโนมัติได้

Instagram วีดีโอคลิป มี facebook เป็นผู้หนุนหลัง คราวนี้จะถึงคราวอวสานของ Vine ซึ่งเป็นแอพแชร์วีดีโอจาก Twitter หรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป ถึงขนาดมีคนตั้ง #RIPvine กันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามผู้ใช้ Vine ก็ออกมาทำวีดีโอเสียดสี Instagram มากมายในเชิงว่าลอกเลียนแบบต่างๆนานา ศึกครั้งนี้ยังไม่จบง่ายๆ เราต้องรอดูกันต่อไป

สุดท้ายผู้ใช้อย่างเราก็ได้แต่หวังว่า นักพัฒนาจะนำสิ่งดีดีมาให้เราได้ใช้กันเรื่อยๆนะค่ะ ขอบคุณนักพัฒนาที่ขยันสร้างสรรค์สิ่งดีดี

Instagram ถ่าย Video clips ได้แล้ว Socialcam จะเอายังไงกันดี

Instagram video clips

Introducing video on Instagram

วันนี้ Kevin Systrom ซึ่งเป็น Chief executive ของทาง Instagram ได้ออกมาพูดว่า Instagram ได้เพิ่มลูกเล่น Video clips เข้ามาเพื่อเอาใจสาวกชาว social media และ *micro-celebrity กันแล้ว  ซึ่งผลจากนำ application นี้ออกมา อาจจะทำให้ socialcam สั่นสะเทือนกันเลยทีเดียว มาดูกันว่า เราจะเริ่มต้นดูวีดีโอ และ upload วีดีโอกันอย่างไร

จะติดตั้งหรือลง Video ใน IG อย่างไร

ก่อนอื่น ถ้าหากมี application Instagram กันอยู่แล้ว ให้เพื่อนๆ ไป download เวอร์ชั่นล่าสุดของ Instagram ก่อน เพื่อที่จะได้ไม่พลาดวีดีโอของเพื่อนๆ ที่อัพโหลดกันบน IG นะ สำหรับ Iphone ก็ไป update ที่ App store สำหรับ Android ก็ google play

วิธีการลงวีดีโอบน IG

หลังจาก update เป็น version ล่าสุดแล้ว เวลาเราจะกดอัดวีดีโอ ให้ไปที่ปุ่มถ่ายภาพ เหมือนเวลาเราจะถ่ายภาพปกติลง IG ปุ่มถ่ายวีดีโอจะอยู่ทางด้านขวามือ หลังจากนั้นก็ลงมืออัดวีดีโอ โดยการกดปุ่มวีดีโออย่างต่อเนื่อง ถ่ายภาพได้ถึง 3 วินาทีจนถึง 15 วินาที นอกจากนั้น จุดเด่นของมันก็คือ เราไม่จำเป็นต้องอัดวีดีโอต่อเนื่อง เราสามารถอัดแล้วหยุด อัดแล้วหยุดได้ วิธีการกดอัดวีดีโอคือ กดปุ่มค้างไว้ ถ้าอยากหยุดเราก็ปล่อยมือ ถ้าอยากอัดต่อ ก็กดต่อ ง่ายๆ ลองดูนะ

ถ่ายภาพวีดีโอเสร็จแล้วเรายังสามารถเพิ่ม filters ได้ถึง 13 filters เข้าไปในวีดีโอเหมือนกับการแต่งภาพนิ่งของ Instagram อีกด้วย คงเป็นที่ถูกใจสาวก Instagram ไม่น้อย

ข้อดีอีกอย่างคือ หลังจากที่อัดวีดีโอเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าภาพที่ค้างเวลาจะ upload โชว์เพื่อนๆ จะเป็นภาพกำลังอ้าปากหวอ หรือทำท่าไม่สวยไม่หล่อ เพราะว่า ทาง Instagram ได้เล็งเห็นความสำคัญจุดนี้ จึงสร้างให้เราสามารถเลือกภาพชอทที่เราคิดว่าโอเคที่สุดแล้ว post ลงเป็นภาพนิ่งให้เพื่อนๆหรือ followers เราได้ดู

ดู VDO บน IG ดูยังไง

วิธีการดู VDO ก็ไม่ยาก เริ่มจาก อย่าลืมอัพเดตเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด ไม่งั้นดูไม่ได้!!!!

ถ้าอยากรู้ว่าอันไหนเป็นภาพนิ่งหรือเป็นวีดีโอ ก็ให้สังเกตจาก icon รูป video มุมขวาบนของรูปเลย หรือว่าเวลา slide ดูในโทรศัพท์ ถ้าอันไหนเป็นวีดีโอ ถ้าเลื่อนดูช้าๆวีดีโอก็จะเล่นให้อัติโนมัติ แต่ถ้าเลื่อนเร็ว ก็จะไม่เล่นให้อัติโนมัติ ต้องชะลอเวลาเห็นทางขวามือของรูปเป็นรูป VDO ก็จะเล่นอัติโนมัติ แต่ก็สามารถตั้งค่าให้วีดีโอไม่เล่นเองอัติโนมัติได้ โดยเข้าไปที่ setting แล้วปิด Auto-Play Videos ซะ หลังจากนั้น หากเห็นวีดีโอ อยากดูก็กดตรงกลางของรูปเพื่อให้มันเล่นวีดีโอได้เลย

ข้อสังเกตอย่างนึงของ Video บน Instagram นี้คือ ภาพในวีดีโอ จะยังไม่ค่อยคมชัด รอดูกันต่อไปว่า IG จะพัฒนาต่อไปอย่างไร และจริงๆแล้ว Instagram ควรจะมี VDO จริงหรือ หรือควรจะยึดติดกับการเป็น App ถ่ายภาพอย่างเดียว

*Micro-celebrity คือ บุคคลที่เป็นที่รู้จักทางสังคม social media หรืออาจจะพูดได้ว่า 90% ของคนที่อยู่บนอินเตอร์เนต เป็น micro-celebrity เพราะทุกคนก็เป็นที่รู้จักในกลุ่มของตัวเอง ซึ่งสังคมออนไลน์นิยมเรียกว่า Micro-celeb

ใครดู instagram เรา??? ดูได้หรือไม่

Instagram-Logo

จะรู้ได้ยังไงว่า ใครมาดู instagram ของเราบ้าง ณ    ตอน   นี้ ยังไม่มีใครทำ application ออกมา เพื่อให้เรารู้ได้ว่าใครมาดู instagram ของเราบ้าง แต่ตอนนี้มี functions น่าสนใจหลายอย่างที่ทำให้เราวิเคราะห์ instagram ของเราเองได้ เช่น ใครตามเราแล้วเลิกตาม เราโพสท์ช่วงเวลาไหนแล้วคนไลค์เยอะ เราใช้ effect แต่งภาพอันไหนบ่อยๆ โดยผ่านทาง statigram !!! statigram คือ เว็บที่ช่วยให้เราจัดการ instagram ของเราได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องผ่านทางมือถือ เราสามารถแก้ไขผ่านทาง PC ได้เลย ข้อดีของมันก็คือ

1. ดูได้ว่าในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาใครมาตามเราเพิ่ม และใครเคยตามเราแล้วก็เลิกตามเราไป อาจจะนำมาวิเคราะห์ได้ ถ้าเป็นแบรนด์สินค้าต่างๆ ว่าทำไมลูกค้าถึงเลิกตามเราไป เราโพสท์รูปเยอะไปหรือเปล่า รูปไม่น่าสนใจ หรืออะไรเป็นต้น

2. หากอยากรู้ว่าใครที่เราตาม แล้วเค้าตามเรากลับหรือไม่/ หรือใครที่มาตามเรา แล้วเราไม่ได้ตามกลับก็ดูได้เช่นกัน

3. เปอร์เซ็น การกดไลค์ คอมเม้น และ คนที่มาไลค์เรา ทั้งๆที่ไม่ได้ตามเรา รวมทั้งดูได้ว่า รูปไหนของเราคนไลค์และคนคอมเม้นมากที่สุด และมีอัตราเฉลี่ยเท่าไหร่ ต่อรูป เช่น โดยทั่วไปเฉลี่ยแล้ว รูปๆหนึ่ง เราจะมีคนมากดไลค์ประมาณ 100 ต่อรูป สำหรับแบรนด์แล้ว สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ว่า หากรูปไหนได้อัตราเฉลี่ยน้อยกว่าเกณฑ์ แสดงว่า รูปนั้นมีความสนใจ หรือทำให้ลูกค้าเข้าร่วมน้อยกว่ารูปอื่น หรืออาจจะใช้ instagram ในการทดสอบสินค้าที่จะนำมาขายได้ เพื่อดูความต้องการของตลาด

4. filter อะไรที่เราใช้มากที่สุดใน instagram และยังบอกได้อีกว่า เราใช้ filter อันไหน แล้วทำให้มีคนมากดไลค์หรือคอมเม้นท์มากที่สุด เพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกใช้ filter ในการแต่่งภาพครั้งต่อๆไป

5. มีสถิติบอกเราว่า การโพสท์ของเราส่วนใหญ่ อยุ่ในช่วงเวลาใด และความเร็วของคนที่มากดคอมเม้นท์หรือไลค์รูปเรา คือใช้เวลาเท่าไหร่ และหลังจากผ่านไป กี่ชั่วโมง รูปรูปนั้นจะไม่มีคนมากดไลค์หรือคอมเม้นท์อีก ยิ่งไปกว่านั้น สามารถบอกเราได้ด้วยว่า เราควรโพสท์รูปช่วงเวลาไหน ที่จะทำให้มีคนมากดไลค์รูปเรามากที่สุด น่าสนใจทีเดียว

6. ใน statigram ยังมี applications หลากหลาย ในการช่วยให้ brand ต่างๆ ที่ใช้ instagram โปรโมทแบรนด์ของตัวเอง เช่น ติด feed tab คือ รูปภาพใน instagram ก็จะไปขึ้นใน facebook fan page,blog และ Rss feed อีก ด้วย นอกจากนั้น เราสามารถ นำภาพทั้งหมดที่อยู่ใน instagram มาสร้างเป็น profile cover ได้อีกด้วย

7. และข้อดีอีกอย่างคือ เวลาที่มีคนมาตามเยอะๆ หรือเราตามใครเยอะๆ ถ้าดูผ่านทางมือถือ เราจะไม่สามารถดูได้หมด ว่ามีใครมาตามเราหรือเราตามใครบ้าง statigram ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วยการ โชว์ทุกคนที่เราตามและตามเรา พร้อมทั้งโหลดเร็วกว่าดูในโทรศัพท์อย่างแน่นอน

ลองสมัครเข้าไป statigram ดูนะค่ะ เล่นไม่ยาก และถือเป็น social analytic tool อันนึง ที่น่าสนใจเช่นกัน